ถ้าเอ่ยชื่อ จิมมี คอนเนอส์ (Jimmy Connors) ภาพที่แฟนเทนนิสจำนวนมากจะนึกออกไม่ใช่แค่ฟอร์มการเล่นสุดโหดบนฮาร์ดคอร์ต แต่คือบุคลิก “ไม่ยอมใครหน้าไหนทั้งนั้น” เสียงเชียร์กระหึ่มใน US Open ท่าทางกระตุกอารมณ์คนดู และสไตล์การเล่นที่โหมบุกชนิดไม่เหลือพื้นที่ให้หายใจ เขาคือคนที่ทำให้เทนนิสอเมริกันยุค 70–80 ลุกเป็นไฟ และเป็นหนึ่งในชื่อที่ถูกพูดถึงเสมอเวลาคนในวงการคุยกันว่า “ใครคือคนที่มีไฟแข่งแรงที่สุดในประวัติศาสตร์”

ทุกวันนี้โลกแฟนกีฬากว้างกว่ายุคของ Jimmy Connors เยอะ เราไม่จำเป็นต้องนั่งดูเทนนิสอย่างเดียวแล้วปิดทีวีจบ หลายคนเปิดดูหลายกีฬาในคืนเดียวกัน และบางคนก็มีช่องทางเสริมสีสันอย่าง ทางเข้า UFABET ล่าสุด เอาไว้เช็กสกอร์ ลุ้นบิล หรือดูโปรแกรมแข่งชนิดอื่นควบคู่ไปด้วย แต่ไม่ว่าจะยุคไหน สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ “ความอินในเกมกีฬา” ที่ทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้นทุกครั้งที่เกมเข้าจุดพีค เหมือนที่ Jimmy Connors ทำกับคนดูทั้งสเตเดียมในวันของเขา
วัยเด็กในอิลลินอยส์: จุดเริ่มต้นของเด็กชายที่ไม่ชอบแพ้
Jimmy Connors เกิดเมื่อปี 1952 ที่เมืองเบลวิลล์ รัฐอิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ครอบครัวของเขาไม่ได้เป็นตระกูลเทนนิสระดับหรู แต่มี “คุณแม่” ที่จริงจังกับการปั้นลูกมาก ๆ แม่ของคอนเนอร์สคือคนที่จับเขาเข้าสนามตั้งแต่ยังตัวเล็ก ๆ และคอยเป็นโค้ชคนสำคัญในชีวิตจนถึงระดับอาชีพ
บรรยากาศวัยเด็กของเขาเต็มไปด้วยการ “ตีลูกซ้ำ ๆ แล้วซ้ำอีก” บนคอร์ตเล็ก ๆ แถวบ้าน แทบไม่มีคำว่าเล่นเบา ๆ หรือซ้อมขำ ๆ ทุกช็อตคือการใส่สุดเหมือนแข่งจริง และนิสัย “เกลียดการแพ้” ก็เริ่มฝังลึกตั้งแต่ตอนนั้น ใครที่เคยดูสัมภาษณ์เก่า ๆ จะรู้ว่าคอนเนอร์สพูดตรง ๆ ว่า เขาไม่ได้ลงไปในคอร์ตเพื่อ “เล่นสนุก” แต่ลงไปเพื่อ “ชนะเท่านั้น”
พอเข้าโรงเรียน เขาก็เป็นเด็กที่ใช้เวลาหลังเลิกเรียนอยู่ในสนามมากกว่าที่อื่น และด้วยความจริงจังสุดทางแบบนี้ ทำให้เขาไต่ระดับจากเด็กในท้องถิ่นสู่หนึ่งในเยาวชนที่น่าจับตามองของอเมริกาค่อนข้างเร็ว โตมาพร้อมคาแรกเตอร์ชัดเจนว่า “คนนี้ไม่ชอบเล่นครึ่ง ๆ กลาง ๆ”
จากเยาวชนสู่โปร: ก้าวแรกในโลกเทนนิสระดับสูง
ในระดับเยาวชน Jimmy Connors เริ่มเดินสายแข่งทั่วสหรัฐฯ และทำผลงานโดดเด่นในหลายรายการ เขาไม่ได้เป็นคนตัวใหญ่ที่สุด แต่มีสปีดขาและสปีดแร็กเกตที่น่ากลัวมาก บวกกับท่าทางแข็งกร้าวในสนาม ทำให้เขาดู “ตัวเล็กแต่อันตราย” ใครที่ประมาทมักจะโดนเขากดเกมใส่จนไม่ทันตั้งตัว
เมื่อเข้าสู่ระดับโปรในช่วงต้นยุค 70 เขาเริ่มทำชื่อเสียงบนทัวร์ด้วยความเกรี้ยวกราดทั้งในเกมและอารมณ์ ความเป็น “แบดบอย” ของเขาแตกต่างจากตำนานที่มาก่อนหน้าอย่าง Rod Laver หรือ Ken Rosewall ที่เน้นสุภาพและนิ่งเงียบ คอนเนอร์สรู้อยู่เต็มอกว่าเขา “ขายความดุดัน” และเขาก็ใช้มันเต็มที่ ทั้งปลุกคนดู ปั๊มอารมณ์ตัวเอง และสร้างบรรยากาศในสนามให้เดือดแบบสุดขีด
ยุคทองของ Jimmy Connors: การครอง US Open และความสำเร็จระดับเมเจอร์
ช่วงกลางทศวรรษ 70 คือ “ยุคทองของ Jimmy Connors” แบบเต็มตัว เขาคว้าแชมป์ Grand Slam หลายรายการ โดยเฉพาะ US Open ที่กลายเป็นเวทีประจำของเขา แทบจะเป็นบ้านหลังที่สอง
สิ่งที่ทำให้ Connors พิเศษบนฮาร์ดคอร์ตของ US Open คือการผสมกันระหว่าง
- เกมบุกจากเบสไลน์ที่เร็วและดุดัน
- เสียงเชียร์กระหน่ำจากแฟนเจ้าถิ่น
- และเมนทัลเกมที่ไม่เคยยอมถอยแม้โดนนำ
เขาเป็นเหมือนเครื่องยนต์ที่ยิ่งโดนโห่หรือโดนกดดันก็ยิ่งแรงขึ้น การเล่นแบบ “สวนกระแส” ทำให้เขากลายเป็นขวัญใจฝั่งที่ชอบนักกีฬาจอมบู๊ และในบางช่วงก็ถูกเกลียดโดยแฟนที่ชอบความสุภาพเรียบร้อย แต่นั่นแหละ คือเสน่ห์ของเขา—ไม่มีใคร “เฉย ๆ” กับ Jimmy Connors ได้ง่าย ๆ
ในยุคที่เขาพีค เขาสามารถคว้าแชมป์เมเจอร์ได้ทั้งบนพื้นหญ้า ฮาร์ดคอร์ต และคอร์ตดินในระดับหนึ่ง แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้เก่งแค่ในบ้านตัวเอง แต่พร้อมบุกไปทุกที่ที่มีโอกาสชูถ้วย
สไตล์การเล่น: แบ็กแฮนด์สองมือก่อนยุคเฟื่องฟู
จุดเด่นหนึ่งของ Jimmy Connors คือการใช้ แบ็กแฮนด์สองมือ ในยุคที่นักเทนนิสส่วนใหญ่ยังใช้มือเดียวอยู่ เขาเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกการเล่นแบ็กแฮนด์สองมือในทางปฏิบัติบนทัวร์ระดับสูง ทำให้เขาควบคุมทิศทางและสปีดของลูกได้ดีมาก โดยเฉพาะเวลารับเสิร์ฟ
โฟร์แฮนด์ของเขาอาจไม่ได้หมุนสปินหนักแบบนาดาลยุคหลัง แต่เป็นลูกกดแฟลตเร็วและแรงจนกดคู่แข่งถอยหลังไม่ทัน เสิร์ฟของเขาอาจไม่ใช่จุดขายใหญ่ที่สุด แต่สิ่งที่ทุกคนกลัวคือ “เกมรีเทิร์นเสิร์ฟ” ที่โหดระดับตำนาน
เวลาคู่ต่อสู้เสิร์ฟพลาดมานิดเดียว ลูกกลับเข้าหาอย่างเร็วเหมือนโดนสวนหมัดขวาเข้าเต็มคาง ทำให้หลายคนยอมรับว่าเล่นกับคอนเนอร์สแล้วรู้สึก “หายใจไม่ทั่วท้อง” เพราะไม่มีแต้มไหนที่เขาเล่นให้เบา ๆ
บุคลิก “คนจริงจอมเดือด” ที่ทั้งรักและทั้งหมั่นไส้
ถ้าเราแบ่งนักเทนนิสออกเป็นสองแบบใหญ่ ๆ
- แบบสุภาพ นิ่ง เรียบร้อย
- กับแบบไฟแรง แสดงอารมณ์ชัด
Jimmy Connors จัดอยู่สายหลังแบบเต็มตัว เขาตะโกนใส่ตัวเอง ปลุกคนดู ยกมือเร้าเสียงเชียร์ และบางครั้งก็มีจังหวะเดือดกับคู่แข่งหรือกรรมการอยู่บ้าง
แต่ความเดือดของเขาไม่ใช่เดือดแบบ “ไร้สาระ” มันคือการใช้ไฟในใจเป็นเชื้อเพลิงให้เกมยิ่งร้อนขึ้น ทำให้หลายแมตช์ของเขากลายเป็นโชว์แบบครบเครื่องทั้งกีฬาและอารมณ์ ความมันเลยไม่ได้อยู่แค่สกอร์ แต่เป็นบรรยากาศทั้งหมด
ใครที่ชอบนักกีฬาสายดิบจริง ใจสู้ถึงปลายทาง ยอมแพ้ยาก และพร้อมปะทะทั้งในมุมกีฬากับมุมจิตวิทยา คอนเนอร์สคือคนที่ตอบโจทย์มาก ๆ
ตารางสรุปโปรไฟล์ Jimmy Connors
เพื่อให้เห็นภาพ Jimmy Connors แบบรวบรัด เรามาดูตารางสรุปโปรไฟล์กันสักหน่อย
| หัวข้อ | รายละเอียด |
|---|---|
| ชื่อเต็ม | James Scott Connors |
| ชาติ | สหรัฐอเมริกา |
| ปีเกิด | 1952 |
| จุดเด่น | แบ็กแฮนด์สองมือ, เกมรีเทิร์นเสิร์ฟโหด, พลังใจเกินร้อย |
| พื้นผิวถนัด | ฮาร์ดคอร์ต (โดยเฉพาะ US Open) |
| สไตล์ | บุกจากเบสไลน์, กดแฟลตเร็ว, ใช้ไฟอารมณ์ในเกม |
| คาแรกเตอร์ | จอมเดือด, ปลุกคนดูเก่ง, เกลียดความพ่ายแพ้อย่างหนัก |
| สถานะในประวัติศาสตร์ | หนึ่งในนักเทนนิสที่มีไฟแข่งแรงที่สุดและเล่นได้นานที่สุดคนหนึ่ง |
คู่ปรับระดับตำนาน: Borg, McEnroe และคนอื่น ๆ ที่ทำให้เรื่องราวเข้มข้นขึ้น
เหมือนทุกตำนานในวงการกีฬา ชื่อของ Jimmy Connors ไม่ได้ยืนโดดเดี่ยว เขามีคู่ปรับมากมายที่ทำให้เรื่องราวของเขา “อร่อย” ยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น
- Björn Borg ที่นิ่งและเย็นเหมือนน้ำแข็ง
- John McEnroe ที่ไฟแรง หัวร้อน แรงไม่แพ้คอนเนอร์ส
- หรือแม้แต่ Ivan Lendl ที่เป็นนักวางแผนเยือกเย็น
แมตช์ระหว่าง Connors กับคนเหล่านี้มักเป็นการปะทะกันของ “สไตล์ + คาแรกเตอร์” ไปพร้อมกัน เราไม่ได้แค่ดูว่าลูกตกในหรือนอก แต่ลุ้นไปกับความกดดัน การตอบโต้ทางอารมณ์ และการโยนโมเมนตัมไปมาระหว่างทั้งสองฝั่ง
บนเวทีอย่างวิมเบิลดันและ US Open คู่ปรับเหล่านี้ทำให้เกมระหว่างพวกเขากลายเป็นมากกว่าการแข่ง มันกลายเป็นละครชีวิตที่มีทั้งเสียงเชียร์ เสียงโห่ ความดีใจ และความเจ็บปวดปนกัน
อายุการใช้งานที่ยาวนาน และโมเมนต์ปลายยุคที่ไม่มีใครลืม
ข้อหนึ่งที่ทำให้ชื่อของ Jimmy Connors ยังถูกยกย่องเสมอ คือ อายุการเล่นระดับสูงที่ยาวนานมาก เมื่อเทียบกับยุคสมัยของเขา เขาไม่ได้หายไปจากหน้าจอทันทีที่พ้นพีค แต่ยังวนเวียนสร้างโมเมนต์พิเศษให้แฟน ๆ ได้เห็น
หนึ่งในภาพจำคือการสร้างเซอร์ไพรส์ใน US Open ช่วงปลายยุคที่หลายคนคิดว่าเขาหมดแล้ว แต่เขากลับไล่ล้มคู่แข่งที่อายุน้อยกว่าจนทะลุรอบลึก ๆ แบบที่ทำให้ทั้งสนามเดือดอีกครั้ง เหมือนรุ่นใหญ่กลับมาทบทวนให้เด็ก ๆ รู้ว่า “ไฟในใจมันไม่ได้แก่ตามอายุ”
สำหรับแฟนเทนนิส นี่คือโมเมนต์ที่อบอุ่นปนลุ้น เพราะทุกคนรู้ว่าเวลาของเขาใกล้จะหมดในฐานะนักกีฬาระดับท็อป แต่การได้เห็นเขาสู้สุดทางอีกครั้ง ก็เหมือนได้ดูบทสรุปหนังภาคสุดท้ายที่สมศักดิ์ศรี
แฟนกีฬาในยุคจอใหญ่หลายจอ: เทนนิส + กีฬาอื่นในคืนเดียว
ยุคของ Jimmy Connors เรามีแค่ทีวีไม่กี่ช่อง จะดูเทนนิสก็ต้องลุ้นว่าใครซื้อลิขสิทธิ์ แต่ยุคนี้เราดูได้แทบทุกทัวร์นาเมนต์ แถมยังเปิดอีกหน้าจอดูสกอร์กีฬาชนิดอื่นพร้อมกันได้ด้วย
หลายคนจึงชอบใช้แพลตฟอร์มที่รวบรวมข้อมูลและโอกาสลุ้นต่าง ๆ เอาไว้ในที่เดียว เช่นการมีบัญชีสำหรับ สมัคร UFABET ไว้ใช้งานในคืนที่มีเกมใหญ่ ทั้งฟุตบอล บาสเก็ตบอล หรือกีฬาอื่น ๆ ควบคู่กับการนั่งดูเทนนิสแบบสด ๆ
แน่นอน สิ่งที่สำคัญไม่แพ้ความสนุก คือการตั้งลิมิตตัวเอง ใช้แพลตฟอร์มพวกนี้ในฐานะ “ตัวเพิ่มสีสัน” มากกว่าให้มันมากุมบังเหียนชีวิตเรา เพราะสุดท้ายแล้ว สิ่งที่ควรคุมเกมไม่ใช่บิล แต่คือตัวเราเอง
มรดกทางเทคนิคและจิตวิญญาณที่ Jimmy Connors ทิ้งให้เทนนิสยุคใหม่
ถ้าถามว่า Jimmy Connors ทิ้งอะไรไว้ให้คนรุ่นหลัง คำตอบมันมากกว่าจำนวนถ้วยแชมป์
ในแง่เทคนิค
- เขาทำให้แบ็กแฮนด์สองมือเป็น “ตัวเลือกจริงจัง” ในระดับท็อป
- เขาแสดงให้เห็นว่าการรีเทิร์นเสิร์ฟสามารถเป็นอาวุธหลักได้ ไม่ใช่แค่เอาไว้กันตาย
- เกมเบสไลน์ที่บุกตลอดเวลา แม้ไม่มีเสิร์ฟที่โหดสุดในยุค ก็ยังทำให้เขาเล่นบนฮาร์ดคอร์ตได้โคตรน่ากลัว
ในแง่จิตวิญญาณ
- เขาคือสัญลักษณ์ของ “ความดื้อดึงในแบบนักสู้”
- เป็นตัวแทนของคนที่ไม่ยอมแพ้แม้โดนปรบมือให้แพ้
- เป็นตัวอย่างของคนที่ใช้ไฟอารมณ์ให้เป็นพลังบวกในสนาม (แม้บางครั้งจะเดือดเกินไปบ้างก็ตาม)
นักเทนนิสรุ่นหลังจำนวนมากเติบโตขึ้นมาพร้อมภาพของ Connors ที่วิ่งตามลูกทุกลูกเหมือนชีวิตแขวนอยู่กับแต้มเดียว เราเลยเห็นคำพูดแนว ๆ ว่า “ให้เล่นแบบเล่นเพื่อชีวิตตัวเอง” ถูกหยิบมาใช้บ่อยซึ่งตรงกับที่เขาแสดงออกในคอร์ตแทบจะทุกแมตช์
Jimmy Connors ในสายตาแฟนเทนนิสยุคปัจจุบัน
แม้เวลาจะผ่านมานาน แต่อัลกอริทึมของโลกออนไลน์ทำให้คลิปเก่า ๆ ของ Jimmy Connors ถูกหมุนเวียนกลับมาให้คนรุ่นใหม่ดูเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็น
- โมเมนต์เดือดกับกรรมการ
- แต้มสุดโหดที่เขาวิ่งรับลูกอย่างไม่มีถอย
- หรือการปลุกคนดูใน US Open แบบทั้งสนามลุกขึ้นยืน
แฟนเทนนิสยุคนี้มองเขาทั้งในมุม “คนบ้าไฟ” และ “ตำนานตัวจริง” หลายคนอาจไม่เห็นด้วยกับทุกการแสดงออกของเขา แต่ก็ต้องยอมรับว่า ถ้าขาดคนอย่าง Connors ไป ประวัติศาสตร์เทนนิสยุค 70–80 จะจืดจางลงไปเยอะมาก
เขาคือหนึ่งในตัวละครหลักที่ทำให้เรื่องเล่าของเทนนิสเต็มไปด้วยรสชาติ ทั้งความมัน ความดราม่า และแรงบันดาลใจในแบบคนที่ไม่เคยยอมรับบทพระรองในชีวิตตัวเอง
FAQ: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Jimmy Connors
Jimmy Connors เก่งที่สุดบนพื้นผิวไหน?
ส่วนใหญ่แฟนเทนนิสเห็นตรงกันว่าเขาโหดที่สุดบนฮาร์ดคอร์ต โดยเฉพาะ US Open ที่เป็นเสมือนเวทีประจำของเขา แต่ก็มีความสำเร็จบนหญ้าและคอร์ตชนิดอื่นด้วย
จุดเด่นทางเทคนิคของเขาคืออะไร?
แบ็กแฮนด์สองมือที่มั่นคงและดุดัน เกมรีเทิร์นเสิร์ฟที่บีบให้คู่แข่งเสิร์ฟได้ไม่สบายใจ และสไตล์กดลูกแฟลตเร็วจากท้ายคอร์ตที่ทำให้เกมของเขาเต็มไปด้วยความกดดัน
ทำไมคนชอบบอกว่าเขาเป็น “แบดบอย” ของเทนนิส?
เพราะเขาแสดงอารมณ์ในสนามแบบไม่เก็บมากนัก ทั้งตะโกน เร้าอารมณ์คนดู ปะทะกับคู่แข่ง และไม่ค่อยยอมให้ตัวเองเสียหน้า นิสัยตรงไปตรงมาแบบนี้ทำให้ทั้งมีคนรักและคนหมั่นไส้
เขามีคู่ปรับสำคัญเป็นใครบ้าง?
คู่ปรับระดับตำนานของ Jimmy Connors ได้แก่ Björn Borg, John McEnroe และ Ivan Lendl ซึ่งแมตช์ระหว่างเขากับคนเหล่านี้กลายเป็นหน้าประวัติศาสตร์สำคัญของเทนนิสโลก
อายุการเล่นระดับสูงของเขานานแค่ไหน?
เขายืนระยะในระดับสูงได้นานมากเมื่อเทียบกับมาตรฐานยุคเดียวกัน และยังสร้างแมตช์สุดจำในช่วงปลายคาเรียร์ โดยเฉพาะที่ US Open
นักเทนนิสยุคใหม่ได้อะไรจากการศึกษาสไตล์ของเขา?
ได้แนวคิดเรื่องเกมรีเทิร์นเสิร์ฟ การใช้แบ็กแฮนด์สองมือให้เป็นอาวุธหลัก และการใช้จิตใจที่ไม่ยอมแพ้เป็นพลังผลักดันในแมตช์ใหญ่
Jimmy Connors เป็นแค่ตัวละครดราม่าหรือเป็นตำนานจริง ๆ?
เขาเป็นทั้งสองอย่าง เป็นตำนานเพราะความสำเร็จและฝีมือในคอร์ต และเป็นตัวละครดราม่าเพราะบุคลิกที่ชัดเจน ทำให้เรื่องราวของเขาน่าจดจำยิ่งขึ้น
บทสรุป: Jimmy Connors ไฟที่ยังไม่ดับในความทรงจำของคนรักเทนนิส
เมื่อเราย้อนมองกลับไปในประวัติศาสตร์เทนนิส ชื่อของ Jimmy Connors จะไม่มีวันหายไปจากบทสนทนาเกี่ยวกับ “นักสู้ตัวจริง” เขาคือคนที่แสดงให้เห็นว่าพละกำลังอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีไฟในใจ ต้องมีความดื้อด้านในแบบที่ไม่ยอมรับคำว่าแพ้ง่าย ๆ และต้องพร้อมลงสนามทุกวันเหมือนเป็นวันที่มีเดิมพันสำคัญที่สุดของชีวิต
ในโลกของแฟนกีฬา ยุคนี้เรามีทางเลือกมากมาย จะนั่งดูเทนนิสยาว ๆ หรือสลับไปตามสกอร์กีฬาอื่น ๆ ผ่านแพลตฟอร์มอย่าง ยูฟ่าเบท ก็แล้วแต่สไตล์ของแต่ละคน ขอเพียงเราเป็นคนกำหนดจังหวะชีวิตตัวเองเหมือนที่ Connors กำหนดจังหวะเกมในคอร์ต ไม่ปล่อยให้แรงกดดันจากรอบข้างพาเราไหลไปโดยไร้สติ
ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่ Jimmy Connors ทิ้งไว้ให้เราไม่ใช่แค่ถ้วยและตัวเลขในสถิติ แต่คือภาพของคนคนหนึ่งที่ “เล่นเหมือนชีวิตขึ้นอยู่กับทุกแต้ม” และนั่นคือเหตุผลที่ชื่อของ Jimmy Connors ยังถูกเอ่ยด้วยรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และแววตาอิน ๆ ของแฟนเทนนิสทั่วโลกจนถึงทุกวันนี้ 🎾💚